ข้อควรทราบสำหรับเจ้าของสุนัขใหม่

 
หลักสูตร
 
เจ้าของและสุนัข
 

      เราจะพัฒนาการเรียนรู้ของสุนัขเป็นไปตามขั้นตอน และถูกต้องตามกฎข้อบังคับการสอบของสมาคมสุนัขโลก FCI กระทรวงศึกษาธิการได้รับรองหลักสูตรครูฝึกสุนัขเรียบร้อยแล้ว เจ้าของสุนัขควรที่จะมาเรียนและสอบ "ความเข้าใจในการฝึกสุนัข" ก่อนที่จะนำสุนัขสำเร็จการฝึกไปใช้งานและต่อยอดการเรียนรู้ของสุนัขที่บ้านต่อไป

 
อาหาร
 
อาหารสำเร็จรูป / วิตามิน
 

     อาหารเป็นส่วนสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ผลการฝึกได้ตามที่ต้องการ สุนัขอายุไม่ถึง 1 ปี  สุนัขควรจะได้รับอาหารระดับพรีเมียม และสุนัขอายุมากกว่า 1 ปีแล้ว ท่านสามารถจะเลือกเลี้ยงด้วยอาหารธรรมดาหรือพรีเมียม ท่านควรจะเลือกอาหารสำเร็จรูป ยี่ห้อที่เชื่อถือได้ สุขภาพและความเจริญเติบโตของสุนัข จะได้ตามคุณภาพของอาหาร "You are what you eat" สุนัขพันธุ์กลางจะสิ้นเปลืองอาหารประมาณ 15 กิโลกรัม/ 22-30 วัน ซึ่งขึ้นกับการเจริญอาหาร กิจกรรม อากาศ เราจะให้อาหารสุนัขทุกวันเช้า - เย็น ในเวลาที่แน่นอน ถ้าสุนัขทานไม่หมดเราก็จะทิ้งไป ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เราไม่ได้ให้อาหารเสริม หรือเพิ่มอาหารใด ๆ ทั้งสิ้น และจากประสบการณ์ 36 ปี ในกิจกรรมโรงเรียนสุนัข การเพิ่มวิตามินซีในจำนวนที่เหมาะสม จะเป็นการต้านทานโรคได้ดีในระดับหนึ่ง

 
ตารางเวลาทำงาน
 

5.30

- 9.00

เลี้ยงสุนัข ทำความสะอาด

9.00

- 11.00

ฝึกสุนัขเตรียมสอบ

11.00

- 13.00

ครูฝึก / สุนัขพักผ่อน

13.00

- 15.00

ฝึกสุนัขใหม่ หรือทบทวน

15.00

- 17.00

เลี้ยงสุนัข ทำความสะอาด

 

โปรแกรมการฝึก (ระบบเปิด) สุนัขเรียน 3 สัปดาห์ / กลับบ้าน 1 สัปดาห์ หรือสุนัขเรียน จันทร์ - ศุกร์ กลับบ้าน เสาร์ - อาทิตย์
การฝึกระบบเปิด จะทำให้สุนัขสามารถเชื่อมโยงชีวิตที่โรงเรียน และชีวิตที่บ้านเข้าด้วยกันได้ เวลาเยี่ยมสุนัขทุกวัน 14.00 น. - 17.00 น. เสาร์ - อาทิตย์ 9.00 น. - 17.00 น. บริการทำความสะอาดสุนัข เฉพาะท่านที่แจ้งการเยี่ยมล่วงหน้า เราจะบริการอาบน้ำให้สุนัข 1 อาทิตย์ / 1 ครั้ง หรือตามคำสั่งของท่าน เฉพาะในวันที่อากาศไม่ชื้นเท่านั้น

หมายเหตุ
ค่าพยาบาลรักษาสุนัขไม่รวมอยู่ในค่าบริการฝึกสุนัข
 
กรุณาศึกษารายละเอียดสถานรับเลี้ยงและฝึกสุนัขแต่ละแห่งก่อนตัดสินใจ
 

      เห็บกับยุงมีอยุ่ทั่วไป เห็บตัวเล็กมีมากเหมือนเชื้อโรคตัวเล็ก ๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าทุกที่ ยุงเป็นพาหะทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคพยาธิหัวใจ เห็บเป็นพาหะทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือด เห็บอาศัยอยุ่บนตัวสุนัขและสัตว์ที่มีขน กัดกินเลือดเป็นอาหาร เมื่อโตเต็มที่เห็บก็จะสลัดตัวเองไปแพร่พันธุ์ตามหญ้าหรือดินทั่วไป ลูกเห็บตัวเล็ก ๆ จะไปหาที่เกาะอาศัยบนตัวสัตว์ที่มีขนทุกชนิดเช่น หนู ม้า วัว ควาย สุนัข จนเจริญเติบโตสามารถแพร่พันธุ์อีกครั้ง ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน และมีสุนัขจรจัด รวมถึงสัตว์มีขนทั่วไปมากมาย จนเป็นที่แพร่พันธุ์ของเห็บทุกแห่งหนตลอดเวลา ถ้าเห็บได้อาหารจากสุนัขตัวที่มีโรคพยาธิเม็ดเลือดอยู่แล้ว แต่ไม่มีอาการเจ็บป่วย แล้วไปกัดสุนัขตัวต่อไปที่มีสุขภาพอ่อนแอ เมื่อสุนัขตัวใหม่ได้รับเชื้อพยาธิเม็ดเลือดแล้ว ก็จะฟักตัวจนสุนัขแสดงอาการป่วยในเวลาต่อมา แต่ระยะการฟักตัวของเชื้อพยาธิเม็ดเลือดในตัวสุนัข จะแสดงอาการป่วยแต่ละตัวไม่เท่ากัน เพราะสุนัขมีความแข็งแรงและความต้านทานโรคทุกตัวต่างกัน

 

     การนำสุนัขส่งให้สัตวแพทย์ตรวจเลือดหาพยาธิเม็ดเลือดก่อนสุนัขเข้ารับการเรียน เป็นมาตรการส่วนหนึ่งที่จะตรวจหาพยาธิเม็ดเลือดในตัวสุนัข (ที่เราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า) ถ้าพบก็จะได้กำจัดก่อนที่อาจจะมีเห็บมากัดและแพร่เชื้อให้สุนัขตัวอื่น ไม่ใช่การรับประกันว่าสุนัขตัวนั้นจะไม่มีพยาธิเม็ดเลือดตลอดไป แม้แต่เอกสารใบตรวจวิเคราะห์ผลเลือดจากห้องแลปของสัตวแพทย์ก็จะลงความเห็นผลจากการตรวจว่า "ไม่พบพยาธิเม็ดเลือด" แต่สัตวแพทย์ไม่สามารถลงความเห็นว่า "ไม่มีพยาธิเม็ดเลือด" เพราะพยาธิเม็ดเลือดอาจจะมีจำนวนน้อย หรือกำลังอยู่ในระยะฟักตัวหรืออยู่ในส่วนลึกของร่างกายสุนัขที่ไม่สามารถตรวจพบได้ เช่น ม้าม เป็นต้น แสดงให้เห็นว่า สุนัขที่ได้รับการตรวจพยาธิเม็ดเลือดแล้วในวันนี้ อาจจะตรวจพบพยาธิเม็ดเลือดได้อีกถ้ามีการตรวจเลือดในครั้งต่อไป ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า ทำไมสุนัขที่ผ่านการตรวจแล้ว ไม่พบพยาธิเม็ดเลือด แต่กลับมีอาการป่วยได้เพราะสาเหตุจากพยาธิเม็ดเลือดในภายหลัง เหมือนโรคมะเร็งมีอยู่ในตัวคนบางคนอยู่แล้ว ตราบใดคุณมีสุขภาพแข็งแรง คุณก็จะตรวจไม่พบ แต่ถ้าคุณมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง คุณก็อาจจะไม่ปลอดภัยต่อการเป็นโรคมะเร็ง เป็นต้น

 

     การที่สุนัขมาอยู่โรงเรียนฯ ก็เหมือนสุนัขอยู่ที่บ้านของท่าน มีโอกาสถูกยุงกัด (ยุงตัวที่ไปกัดสุนัขที่เป็นพยาธิหนอนหัวใจแล้วมากัดสุนัขของคุณ) มีโอกาสที่จะถูกเห็บกัด (เห็บตัวที่ไปกัดสุนัขที่มีพยาธิเม็ดเลือดแล้วมากัดสุนัขของคุณ) การที่คุณส่งลูกไปโรงเรียนแล้วมียุงลายมากัดลูกของคุณ ทำให้ลูกของคุณเป็นโรคไข้เลือดออก หรือ การที่คุณส่งสุนัขไปโรงเรียนแล้ว สุนัขของคุณถูกเห็บกัดแล้วเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือด (ไม่ใช่100%ว่า กัดแล้วจะเป็นหรือไม่เป็นโรคพยาธิเม็ดเลือด ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของสุนัข และยังขึ้นกับยุงหรือเห็บตัวที่กัดมีเชื้อหรือเปล่า?) แล้วยุงลายที่กัดลูกของคุณ จนลูกของคุณเป็นโรคไข้เลือดออก กับเห็บที่กัดสุนัขของคุณ จนสุนัขของคุณเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือด เป็นยุงหรือเห็บที่อาศัยในบ้านของคุณหรืออาศัยอยู่ในโรงเรียน? เราไม่สามารถพิสูจน์ได้

 

     โรงเรียนสุนัขสุขุมวิท กรุงเทพฯ ได้มีประสบการณ์มาแล้ว 36 ปี ในการวางโปรแกรมการกำจัดเห็บที่ตัวของสุนัข โรงเรือนสุนัข สนามหญ้ารอบๆโรงเรียนฯทุกๆอาทิตย์ และมีการตรวจสอบการเข้า-ออกของสุนัขทุกตัวโดยละเอียด และเจ้าของทุกรายที่มารับ-ส่งสุนัข ได้เซ็นรับรองเอกสารการตรวจเห็บเวลามารับ-ส่งสุนัขทุกครั้ง (เหมือนทุกท่านที่มีการส่งเงิน รับเงิน ต้องมีการนับก่อน) ซึ่งเป็นการแสดงให้เข้าใจว่า ทางโรงเรียนฯ มีความเข้าใจต่อปัญหาเรื่องยุง เรื่องเห็บ ตลอดจนวิธีการจัดการปัญหาต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ และเจ้าของสุนัขทุกท่านที่ได้ส่งสุนัขเข้ารับการฝึกก็ได้เข้าใจในวิธีการต่างๆ ตามที่กล่าวมา จึงได้มีการลงนามในเอกสารใบสมัคร ใบมอบอำนาจ และข้อตกลงต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับท่านที่เจ็บป่วยแล้วไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่างๆ ก่อนที่จะมีการทำการรักษา ท่านกับแพทย์ผู้ทำการรักษา และโรงพยาบาลจะต้องมีการทำเอกสารข้อตกลงก่อน จึงจะมีการดำเนินการรักษาได้

 

     เมื่อมีการทำความเข้าใจและทำข้อตกลงต่าง ๆ ตามเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการแล้ว ทางโรงเรียนฯจึงจะสามารถพัฒนาสุนัขของคุณให้เป็นสุนัขพิเศษได้ (สุนัขที่มีข้อมูลชีวิตถูกต้อง) โดยไม่ฝึกด้วยการบังคับ ลงโทษ ทำร้ายสุนัข (การกระชากคอ หรือกระตุกคอ ก่อนสั่งเหมือนฝึกลิง) ให้กลัวแล้วเชื่อ ซึ่งเป็นการทำลายการพัฒนา IQ ของสุนัขที่จะโตตามอายุ และทำลาย EQ ของสุนัข ทำให้สุนัขมีความหวาดระแวงต่อการเชื่อมโยงคำสั่งจากเจ้าของ กลายเป็นสุนัขที่ขี้ระแวง ก้าวร้าว ไม่อยากให้ใครมายุ่ง หรือการฝึกด้วยอาหารให้สุนัข เหมือนการฝึกปลาโลมา เมื่อปลาโลมาทำได้ก็ให้กินปลาตัวเล็กเป็นรางวัล และบางครั้งต้องให้อดอาหารครั้งละหลายมื้อ เพื่อให้สุนัขหิวแล้วจึงฟัง (เหมือนคนฝึกปลาวาฬเพชฌฆาตที่เป็นข่าวอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา Sea World โมโหหิวจนทำร้ายครูฝึกแล้วลากลงไปใต้น้ำจนเสียชีวิต)

 

     การฝึกด้วยวิธีการเล่นเพียงอย่างเดียวไม่มีการลงโทษไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ทำให้สุนัขตัวนั้นยังคงบุคลิกภาพตัวเองอย่างสมบูรณ์ อารมณ์ดี ไม่บ้ากิน แต่เลี้ยงง่าย ไม่ต้องเปลี่ยนอาหารการเลี้ยงเอาใจบ่อย ๆ และโปรแกรมการฝึกในระบบเปิดนั้นสุนัขเรียน 3 สัปดาห์ กลับบ้าน 1 สัปดาห์ หรือสุนัขเรียน จันทร์-ศุกร์ กลับบ้าน เสาร์-อาทิตย์ ทำให้สุนัขสามารถเชื่อมโยงข้อมูลการฝึกที่โรงเรียนฯ กับรายละเอียดต่าง ๆ ที่บ้านและตัวเจ้าของได้ (เช่นเดียวกับเด็กเรียนดนตรี จะทำให้เด็กเชื่อมโยงการทำงานของสมองส่วนซ้ายและส่วนขวาได้) ทางโรงเรียนฯไม่มีนโยบายฝึกสุนัขให้กระโดดก่อนวัยอายุ 1 ปี เนื่องจากกระดูก เนื้อเยื่อ เอ็นกระดูกต่าง ๆ ของสุนัขยังเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจจะทำให้สุนัขมีอาการบาดเจ็บ และพิการได้ ถ้าจะมีการฝึกสุนัขให้กระโดดหลังอายุ 1 ปีแล้ว จะต้องมีการเอ็กซ์เรย์กระดูกข้อกระโพกให้แน่ใจว่า สุนัขตัวที่จะทำการฝึกไม่มีโรคกรรมพันธุ์ โรคข้อกระโพกห่าง สิ่งที่สำคัญ โรงเรียนฯไม่ฝึกสุนัขว่ายน้ำ เพื่อสร้างนิสัยให้สุนัขชอบความแห้ง ไม่รักความเย็น จนสุนัขชอบเล่นน้ำ หรือนอนในห้องน้ำ และอาจจะเป็นโรคปอดบวมได้ ซึ่งในบางเวลาที่ท่านไม่มีเวลาดูแลใกล้ชิด สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่ได้เรียนมาให้ทราบด้วยจากประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับโรงเรียนสุนัขมา 36 ปี และสอบผ่านปัญหาต่าง ๆ จนสามารถรับใช้สุนัขของคุณด้วยมาตรฐานที่มีความเป็นสากลได้

 
โรงเรียนสุนัข สุขุมวิท กรุงเทพฯ
สร้างการเรียนรู้สังคมให้สุนัขของท่าน
โดยการจัดให้สุนัขมีเพื่อนสุนัขใหม่ทุกวันในห้องขนาดกว้าง 2 X 10 เมตร
 
ครุฝึกมาตรฐาน (สอบผ่านหลักสูตรครูฝึกกระทรวงศึกษาแล้ว)
ครูฝึก 1 ท่าน ต่อนักเรียนสุนัขใหม่ 4 ตัวเท่านั้น
กรุณาจองที่เรียนล่วงหน้า
รับจำนวนจำกัด
 
โรงเรียนสุนัข สุขุมวิท กรุงเทพฯ
ไม่มีการเรียกเงินกินเปล่าทุกชนิด
ไม่มีการรับเงินค่าฝึกหรือค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
การชำระเงินค่าฝึกต่าง ๆ เป็นไปตามระเบียบการทุกประการ
 
โรงเรียนสุนัข สุขุมวิท กรุงเทพฯ
สนับสนุนและส่งเสริมให้ท่านฝึกสุนัขด้วยตัวเอง
บริการฟรีในวันเสาร์ - อาทิตย์ กรุณานัดครูฝึกล่วงหน้า
 
ยินดีต้องรับสุภาพชนทุกท่าน
 
กรุณาติชมได้ในสุมดเยี่ยมสุนัข
ยินดีน้อมรับคำติชมทุกประการ
 
 
 

สิ่งที่ควรรู้ที่คนบางคนไม่อยากรู้

 

          พยาบาลสาวแจ้งความจับหมอทหารยศพันตรีตัดต่อรูปเป็นดาราหนังโป๊ขึ้นเฟซบุ๊ก ตร.เตรียมออกหมายเรียกมาสอบปากคำ

 
     นางสุภิมล ศรีอุดร อายุ 33 ปี พยาบาล ร.พ.ค่ายประจักษ์ศิลปาคม พร้อมทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับร.ต.อ.พิษณุ สุริยะ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองอุดรธานี เพื่อให้มีการดำเนินคดีกับ น.พ.พันตรีศรีธนนท์ เอี่ยมจันทร์ อายุ 32 ปี แพทย์ประจำแผนกศัลยกรรม หลังนำรูปภาพของผู้เสียหายไปตัดต่อขึ้นปกหนังโป๊ และอัพโหลดขึ้นเฟซบุ๊ก ทำให้อับอายและเสียหายมาก
 
     นางสุภิมล ให้การว่า น.พ.พันตรีศรีธนนท์ เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมที่ร่วมทำงานด้วย ช่วงหัวค่ำขณะที่ทำงานอยู่นั้นได้เดินไปที่ห้องทำงานของหมอสังเกตเห็นว่า กำลังตัดภาพใบหน้าตนที่คอมพิวเตอร์ได้ร้องห้ามว่า อย่าทำแบบนี้ เพราะทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นดาราเล่นหนังแผ่นโป๊ แต่แล้วก็พบว่า มีภาพดังกล่าวไปปรากฏในเฟซบุ๊ก จึงได้ปรึกษาญาติพี่น้องและเข้าแจ้งความ ทั้งนี้ตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหายจากนั้นจะมีการออกหมายเรียกนายแพทย์มาทำการสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

การใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ก็คือ ใช้เป็นเครื่องมือในการหมิ่นประมาทผู้อื่น ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวทำให้กลายเป็นผลเสียอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากถ้อยคำที่เป็นการหมิ่นประมาท จะแพร่หลายไปทั่วโลกในวงกว้างและรวดเร็วกว่าการหมิ่นประมาทด้วยวิธีการอื่น อินเตอร์เน็ตจึงได้กลายเป็นเครื่องมือเร่งขยายการทำความผิด ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายมากขึ้น

 

ารหมิ่นประมาททาง Web Site ตัวอย่างที่พบเห็นโดยทั่วไปคือ การนำข้อความ หรือภาพที่เป็นการใส่ความไปลงใน Web Site หรือ ตั้งกระทู้ถาม หรือแสดงข้อเท็จจริงต่าง ๆ บน Web Board ในลักษณะใส่ความ และทำให้ผู้อื่นเสียหาย นอกจากจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 แล้ว ยังมีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ซึ่งผู้กระทำต้องรับโทษหนักกว่า มาตรา 326 และอาจจะต้องรับผิดทางแพ่งด้วย

 

การค้นหาผู้กระทำผิดบน Web Site หรือบน Web Board ก็สามารถย้อยรอยถึงผู้กระทำความผิดได้เช่นกัน โดยการขอความร่วมมือ ISP หรือ เจ้าของ Server ที่เป็นที่ตั้งของ Web Site ดังกล่าว ให้แจ้งข้อมูลของผู้กระทำการ Upload ข้อมูลที่เป็นการหมิ่นประมาท

 

การหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ทั้งคดีอาญาและแพ่ง โดยอาญานั้นยิ่งจริงยิ่งผิด ไม่สามารถยอมความได้นะจ๊ะ คำหมิ่นประมาท คิดเป็นหนึ่งบทลงโทษ 100 คำหมิ่นประมาท (ต่อคน) ก็บวก ลบ คูณ หารกันเอาเองนะ คนตั้งกระทู้โทษหนัก พรรคพวกก็โดนหนักเหมือนกัน

 

"ถ้าเกิดการกระทำผิด เมื่อตรวจสอบผู้ให้บริการแล้ว ไม่มีข้อมูลผู้ใช้เก็บไว้ จะมีความผิด มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท ถ้าเป็นการโพสต์ข้อความ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 236 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 ในประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท

 

บางทีถ้าเราตั้งกระทู้หมิ่นเหม่ แล้วถูกลบก็อย่าไปโกรธเว็บไซท์นะจ๊ะ เพราะว่า หากมีการฟ้องร้องทางคดีความ เว็บไซท์ ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย (อ้างอิงจาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ เหตุผล ผู้ให้บริการในที่นี้มุ่งประสงค์ถึง เจ้าของเว็บไซท์ ซึ่งมีการพิจารณาว่า ควรต้องมีหน้าที่ลบเนื้อหาอันไม่เหมาะสมด้วย บทกำหนดโทษ มาตรา ๑๔ โทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี โทษปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท

 

     สำหรับท่านที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
     ขอขอบคุณแหล่งที่มา http://www.pronchaiairservice.com/article-th-39778-%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C.html

 
สถาบันฝึกสุนัข K9
พัทยาใต้ สัตหีบ
โรงเรียนสุนัข
สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ชมรมผู้ฝึกสุนัข
ประเทศไทย
Top Dogs อยุธยา
ลาดบัวหลวง
บางบัวทอง
ศูนย์พัฒนาสุนัข K9
อัสสัม
ชัญ ศรีราชา